วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2563

3.1 สัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิสและกฎออกเตต

    สารในชีวิตประจำวันเช่นแก๊สออกซิเจน (O₂) และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการหายใจของสิ่งมีชีวิต น้ำ (H₂O) เป็นของเหลวที่ใช้ในการอุปโภคและบริโภค เกลือแกง (NaCl) เป็นของแข็งที่ใช้ในการประกอบอาหาร สารเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่อยู่ในรูปอะตอมเดี่ยวแต่ประกอบด้วยหลายอะตอม ซึ่งอาจเป็นอะตอมชนิดเดียวกันหรือต่างชนิดกัน การยึดเหนี่ยวกันของอะตอมหรือไอออนในสารเรียกว่าพันธะเคมี (chemical bond)

สัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิสและกฎออกเตต

     จากการศึกษาเรื่องอะตอมและสมบัติของธาตุทำให้ทราบว่า เวเลนซ์อิเล็กตรอนเป็นอิเล็กตรอนที่อยู่ในระดับพลังงานสูงสุดหรือชั้นนอกสุดของอะตอม เช่น ธาตุคาร์บอนมีการจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงานย่อยเป็น 1s² 2s² 2p² ดังนั้น คาร์บอนมีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 4 ทั้งนี้การเกิดพันธะเคมีเกี่ยวข้องกับเวเลนซ์อิเล็กตรอนของคู่อะตอมที่ร่วมสร้างพันธะกัน

     เวเลนซ์อิเล็กตรอนของธาตุอาจแสดงด้วยจุดสัญลักษณ์ที่แสดงธาตุและเวเลนซ์อิเล็กตรอนของธาตุเรียกว่า สัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิส (lewis dot symbol) ซึ่งเสนอโดย กิลเบิร์ต นิวตัน ลิวอิส      

     สัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิสใช้จุดแสดงจำนวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนรอบสัญลักษณ์ของธาตุดังรูป โดยเขียนจุดเดี่ยวทั้ง 4 ด้านรอบสัญลักษณ์ธาตุ แล้วจึงเติมจุดให้เป็นคู่


     ธาตุต่างๆส่วนใหญ่ไม่เสถียรในรูปอะตอมเดี่ยวยกเว้นธาตุในหมู่ VIIIA (หมู่ 18) หรือเรียกว่าแก๊สมีสกุลที่พบอยู่ในรูปอะตอมเดี่ยว ซึ่งมีจำนวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 8 ยกเว้นฮีเลียมซึ่งมี 2 เวเลนซ์อิเล็กตรอน

     นอกจากนี้นักเคมียังพบว่า อะตอมของธาตุอื่นๆมีแนวโน้มที่จะรวมตัวกันเพื่อที่จะทำให้แต่ละอะตอมมีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 8 จึงมีการสรุปเป็นหลักการที่เรียกว่า กฎออกเตต (octet rule)

     สารที่ไม่อยู่ในรูปอะตอมเดี่ยว มีพันธะเคมีระหว่างอะตอมหรือไอออน โดยที่อะตอมของธาตุอาจมีการให้อิเล็กตรอน รับอิเล็กตรอน หรือใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน ทำให้เกิดพันธะเคมี 3 ได้แก่ พันธะไอออนิกพันธะโคเวเลนต์ และพันธะโลหะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น